วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ฝนต๊ก

สวัสดีค่ะ...คำหล้า (ทองน้อย) คนเดิม คำหล้าสวยนาน มาแล้วค่ะ
(สะหวั๊ดดีเจ้า...คำหล้าคนเดิม คำหล้างามเมิน มาแล้วเจ้า)
ช่วงนี้ฝนตกเยอะมากเลยนะคะ รักษาสุขภาพกันด้วยน้า
(จ่วงนี้ฝนต๊กนักขนาดเลยน่อเจ้า ฮักสาสุกกะภาบกั๋นตวยเน่อ)
ฤดูฝนก็ต้องพูดถึงเรื่องฝนกันเป็นธรรมดาเนาะ
(หน้าฝนก่ะต้องเอาเรื่องฝนมาอู้มาจ๋ากันเป๋นทำหมะดาน่อ)
~~~~~~~~~~~~~
วันนี้ขอเสนอคำว่า "ฝนต๊ก" ที่แปลว่า ฝนตก
คำสร้อยแสดงการเน้นย้ำกริยา ของคำว่า ฝนตก มีดังนี้
ฝนต๊กจะปิ๊จะป๊อ = ฝนตกแหมะๆ เห็นเป็นหยดๆ
ฝนต๊กฮุยฮาย = ฝนตกนิดๆ หน่อยๆ แล้วหายไป
ฝนต๊กซิซิ = ฝนเม็ดเล็กๆ ตกไม่ขาดสาย
ฝนต๊กสุยสุย = ฝนตกลงเม็ดมาไม่ขาดสาย ฝนตกพรำๆ
ฝนต๊กโซ้ะโซ้ะ = ฝนตกหนัก
ฝนต๊กลั่งลั่ง = ฝนตกราวกับเทน้ำลงมาจากฟ้า
ของแถม
เป๋นฝนเป๋นลม = ฝนตกพร้อมลมกรรโชก หรือพายุฝน
ฟ้าฮ้องขะลึ่งขะลึ่ง = ฟ้าร้องครืนๆ
~~~~~~~~~~~~~

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แหลว (แหลก, เละ, พัง)


สวัสดีค่ะ คำหล้ามาแว้วววว...จร้า...
~~~~~~~~~~~~~~~~
กำเมืองวันนี้ ขอเสนอกำว่า "แหลว" ที่แปลว่า แหลก, เละ, พัง
คำสร้อยแสดงการเน้นย้ำ ของคำว่า แหลว มีดังนี้
แหลวแตว = เหลวจนเป็นน้ำ แทบไม่มีเนื้อเลย
ตย 1: อิแม่ใจ๊คำหล้าอุ่นแก๋ง ผ่อมันเลาะใส่น้ำนักจนแก๋งอิแม่แหลวแตวหมดเลย
(คุณแม่ใช้ให้คำหล้าอุ่นแกง ดู๊ดูเติมน้ำเยอะเสียจนแกงคุณแม่เหลวไปเลย)
ตย 2: สล่าคนนี้บ่ไหวนักแก ยะก๋านแหลวแตวแต๊ว่า
(นายช่างคนนี่ไม่ได้เรื่องเลย ทำงานเหลวเป๋วไปหมด)
แหลวแหล้ะแหลวแล่น = แหลกไม่มีชิ้นดี แหลกปนเหลว แหลกจนดูเหมือนจะเป็นของเหลว
ตย: ไปมี! ถุงใส่แก๋งต๊กปื้น แหลวแหล้ะแหลวแล่น
(แย่แล้ว! ถุงใส่แกงตกพื้น เละเทะหมดเลย)
แหลวแฟ่น = แหลกเป็นชิ้น
ตย: แก้วน้ำต๊กแตกแหลวแฟ่น
(แก้วน้ำตกแตกแหลกเป็นชิ้น)
แหลวแฝ้ะแหลวแฟ่น = แหลกกระจุยกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ตย: หมาน้อยฝั้นหมอนแหลวแฝ้ะแหลวแฟ่น
(ลูกหมาทึ้งหมอนจนแหลกกระจุยกระจายเป็นชิ้นๆ)
แหลวเมอะมะ = ทำให้เหลวหนืดเหนอะหนะ
ตย: ต้มโจ๊กเอามอกแหลวเมอะมะเนี่ย เหมาะดี
(ต้มโจ๊กเอาให้เละแบบหนืดๆ หน่อยนี่แหละ กำลังดี)
ข้อยกเว้น
แหลวแล๊ด = (พูด) เป็นน้ำไหลไฟดับ (พูด) คล่องปรื๋อ
ตย: เมินๆ ไหนอ้ายแว่นแก้วป๊ะเสี่ยวเปิ้น กะจะอู้กั๋นแหลวแล๊ด
(นานๆทีพี่แว่นแก้วจะได้เจอเพื่อน เลยพูดเป็นน้ำไหลไฟดับ)
~~~~~~~~~~~~~~~
วันนี้คำหล้าทำกับข้าวจนห้องครัวแหลวแฝ้ะแหลวแฟ่นไปหมดแล้ว ขอตัวเก็บกวาดก่อนเน่อเจ้า 😅

สวัสดีเจ้า

คำหล้าอยู่ญี่ปุ่นมานาน...บางครั้งก็อดคิดถึงบ้านไม่ได้ค่ะ แค่นึกถึงบรรยากาศคนเหนือเค้าพูดคุยกัน ก็ทำให้ยิ้มไม่หุบเลย
จะว่าไปแล้ว "คำเมือง" ต่างจาก "ภาษาญี่ปุ่น" มากๆ โดยเฉพาะเรื่องการสื่อความรู้สึก ภาษาญี่ปุ่นมักใช้ศัพท์ที่มีความหมายกลางๆ คำบางคำถูกนำมาใช้เพื่อปกปิดความรู้สึก ไม่ให้แสดงออกจนเกินงาม ทำให้ผู้ฟังไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงของผู้พูดได้ ในขณะที่คำเมืองมักมีสร้อยคำต่อท้ายศัพท์นั้นๆ เพื่อเน้นย้ำถึงอารมณ์ของผู้พูดหรืออากัปกิริยาให้มีความชัดเจนขึ้นไปอีก เสน่ห์ของคำเมืองน่าจะอยู่ตรงที่สามารถรองรับความรู้สึกนึกคิดของผู้พูดได้ดี ทำให้สามารถสื่อสารได้อย่างออกรสนั่นเอง

คำหล้าก็เลยตั้งเพจนี้ขึ้นมา อย่างน้อยๆ จะได้ช่วยกันอนุรักษ์คำเมือง และเผยแพร่หลักภาษาง่ายๆ ให้คนทั่วไปได้ศึกษาและทำความเข้าใจค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~~
คำหล้าโกอินเตอร์